วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 09:30 น. ณ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดยะลา นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง มอบหมายให้ นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองอธิบดีกรมการปกครอง พร้อมด้วย ผู้อำนวยการสำนักกิจการความมั่นคงภายใน และผู้อำนวยการส่วนประสานราชการ ร่วมประชุมขับเคลื่อนโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 40 โดยมีนายอารีย์ วงศ์อารยะ ประธานคณะกรรมการดำเนินการโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย ร.ต.ท. อาทิตย์ บุญญะโสภัต, ว่าที่ ร.ต. พิเชียน ลิมป์หวังอยู่, คณะกรรมการโครงการฯ, ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และสงขลา, ปลัดจังหวัด นายอำเภอพื้นที่เป้าหมาย, ปลัดอำเภอ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม

โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 40 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 เมษายน - 2 พฤษภาคม 2566 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เยาวชนจำนวน 320 คน จาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และ จังหวัดสงขลา (เฉพาะ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาทวี จะนะ เทพา และอำเภอสะบ้าย้อย) ได้เดินทางมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้สังคมพหุวัฒนธรรมในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งมีความแตกต่างกันทางด้านศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม แต่สามารถอาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข

ที่ประชุมได้เน้นย้ำในส่วนของกระบวนการคัดเลือกเยาวชน ให้มีความโปร่งใส เป็นธรรม และเป็นไปตามเป้าหมายและคุณสมบัติที่กำหนดโดยสำนักงานโครงการฯ เพื่อให้ได้เยาวชนที่มีความเหมาะสม และสามารถนำความรู้ และประสบการณ์กลับไปต่อยอดในการพัฒนาภูมิลำเนาของแต่ละคนได้

จากนั้นเวลา 12.30 น. ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจพร้อมให้คำแนะนำ แก่ผู้เข้ารับการอบรมโครงการอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน รุ่นที่ 5 ณ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนยะลา อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา โดยมีผู้เข้ารับการอบรมทั้งสิ้น 100 คน

หลังจากนั้นเวลา 13.30 น. ได้เดินทางไปเป็นประธานการประชุม ขับเคลื่อนและกำกับติดตามผลการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ณ ห้องประชุมไทยต้องเป็นไทย ศูนย์ฝึกอบรบกองกำลังประจำถิ่นท่าสาป อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา โดยมีผู้บริหารจากส่วนกลางที่เกี่ยวข้อง ปลัดจังหวัดปัตตานี ปลัดจังหวัดยะลา ปลัดจังหวัดนราธิวาส ปลัดจังหวัดสงขลา นายอำเภอ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอจังหวัดสงขลา (เทพา นาทวี สะบ้าย้อย จะนะ) รวม 37 อำเภอ และปลัดอำเภอหัวหน้าชุดคุ้มครองตำบล 164 ชคต. เข้าร่วมการประชุม

โดยรองอธิบดีกรมการปกครอง ได้เน้นย้ำ การรักษาระเบียบวินัยของกำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ให้ผู้บังคับบัญชากำกับดูแล ไม่ให้ประพฤติเสื่อมเสียเกิดภาพลบต่อหน่วย เรื่องอาวุธปืนที่ใช้ในราชการให้ปฏิบัติตามระเบียบการเบิกจ่าย และส่งคืนอาวุธปืน โดยเคร่งครัด และปรนนิบัติบำรุงอาวุธปืนให้พร้อมใช้งานเสมอ เรื่องงานยาเสพติดให้ใช้ข้อมูลการลงพื้นที่ Re-x-ray ครั้งล่าสุดเป็นฐานข้อมูลในการเตรียมความพร้อมช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด

กำชับให้ข้าราชการฝ่ายปกครองศึกษาและทำความเข้าใจกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ใหม่ จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 และพระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2565